วิธีการใช้งาน
ข้อแนะนำการใช้
ความกว้างร่องยาแนวต้องไม่เกิน 8-15 มม. ความลึกของร่องควรไม่น้อยกว่า 2/3 ของความหนากระเบื้อง การยาแนวต้องทำภายหลัง 48 ชม. หรือหลังกาวซีเมนต์บ่มตัวสมบูรณ์
การเตรียมพื้นผิว
ทำความสะอาดร่องยาแนวให้ปราศจากฝุ่น สิ่งสกปรก เศษวัสดุ ไม่ให้มีน้ำขังก่อนที่จะยาแนว
อัตราส่วนผสม
กาวยาแนว บล็อกแก้ว 1 กก. (1 ถุง) ต่อน้ำ 0.25 ลิตร หรือ
กาวยาแนว บล็อกแก้ว 3 ส่วน ต่อ น้ำ 1 ส่วน โดยปริมาตร
การผสม
- เทกาวยาแนวลงในน้ำ ในขณะที่เปิดเครื่องผสมรอบต่ำหรือกวนให้เข้ากันดี
- ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้เคมีบ่มตัว และกวนอีกครั้งก่อนนำมาใช้งาน ในขณะใช้งานควรกวนเป็นระยะๆ
- เมื่อกาวยาแนวเหนียวข้นเนื่องจากทิ้งไว้นานเกินไปหรือใช้งานนานเกินไป ห้ามเติมน้ำเพื่อทำให้เหลว ควรเททิ้งและผสมใหม่
การใช้งาน
- ใช้เกรียงยางปาดยาแนวที่ผสมดีแล้วให้เต็มร่อง โดยทำมุมเฉียงกับแนวร่องเพื่อไม่ให้เกรียงยางไปดึงยาแนวออกจากร่อง ใช้เกรียงยางปาดยาแนวออกจากผิวหน้ากระเบื้องให้มากที่สุด
- ทิ้งไว้จนกระทั่งกาวยาแนวเริ่มบ่มตัว จึงใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำและบิดหมาดเช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว แล้วจึงใช้ผ้าแห้งเช็ดผิวหน้ากระเบื้องอีกครั้งหนึ่ง
การบ่มและการยาแนวกระเบื้อง
ระยะเวลา 72 ชั่วโมงแรก ควรใช้กระดาษเหนียว (กระดาษสีน้ำตาลที่ใช้ทำถุงหรือห่อของ) คลุมไว้เพื่อช่วยให้กาวยาแนวค่อยๆบ่มตัวและช่วยป้องกันฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ไปเกาะบนผิวกาวยาแนวที่ยังไม่แห้ง ไม่ควรใช้พลาสติกหรือกระดาษหนังสือพิมพ์แทนกระดาษเหนียว
การทำความสะอาด
หลังจาก 10 วัน ควรทำความสะอาดพื้นผิวกระเบื้องอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เศษกาวยาแนวที่อาจหลงเหลืออยู่หลุดออกจากผิวกระเบื้อง โดยใช้น้ำสบู่ผสมกับน้ำอุ่นราดให้ทั่ว ทิ้งไว้ระยะหนึ่ง จึงเช็ดทำความสะอาด อย่าใช้สารละลายหรือกรดที่เข้มข้น เพราะจะไปกัดกร่อนยาแนวให้หลุดล่อนและอาจทำให้สีของยาแนวเปลี่ยนไป
- หากจำเป็นควรใช้กรดเจือจางหรือน้ำยาจระเข้ทำความสะอาดร่องยาแนว แต่ควรทดสอบในพื้นที่เล็ก ๆ ก่อน
- การใช้น้ำยาขัดเงาหรือล้างรอยเปื้อนต่าง ๆ ควรทำหลังจากกาวยาแนวบ่มตัวสมบูรณ์แล้ว ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 30 วันและควรทดสอบในพื้นที่เล็ก ๆ ก่อน
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรใช้กับพื้นที่ที่สัมผัสกับกรดตลอดเวลา
- ซีเมนต์อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยต่างๆ เช่น ถุงมือ หน้ากากกันฝุ่น แว่นตา
- ในกรณีเข้าตา ให้ล้างนัยน์ตาด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้งทันที และรีบปรึกษาแพทย์
- ถ้าถูกหรือสัมผัสกับผิวหน้า ให้ใช้น้ำและสบู่ล้างทำความสะอาด
- ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก
การเก็บรักษา
ควรเก็บไว้ในที่ร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก บริเวณดังกล่าวต้องแห้ง ไม่ชื้น เพราะทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่เสื่อมอายุของผลิตภัณฑ์ 1 ปีนับจากวันที่ผลิต ในสภาพยังไม่เปิดใช้ (ถ้าหากใช้ไม่หมดถุงต้องมัดปากถุงให้แน่นสนิททุกครั้ง)